โดย โคลเอ ไบรอัน-บราวน์
ตอนอายุ 25 ปี ผมเริ่มทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการจัดเลี้ยง แกรนด์ เมโทรโพลิทัน” ไซมอน ลอรี อดีตผู้จัดการโรงแรมและผู้ฝึกอบรมจากบริษัทเกรต มิสเซนเดนในบักกิงแฮมเชียร์ กล่าว “ผมเดินทางทั่วโลกและไม่เคยคิดไปทำงานที่อื่น แต่เมื่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มส่งผลกระทบ บริษัทมองว่างานที่ผมทำไม่สำคัญอีกต่อไป” หลังทำงานมานาน 17 ปี แกรนด์ เมโทรโพลิทัน
ปลดเขาออกจากงาน เขารู้สึกเจ็บปวดประหนึ่งสูญเสียญาติหรือเพื่อนสนิท “ผมได้รับการปฏิบัติด้วยดี” เขาเล่า “แต่ยังรู้สึกเสียใจและทำใจไม่ได้ หลังวันที่ผมออกจากงาน ผมยังกลับไปที่สำนักงานเพื่อเก็บสมบัติส่วนตัวและอยู่ที่นั่นจนถึง 21.00น. กระทั่งโทรศัพท์ดังขึ้น แฟนผมโทรหมาเธอบอกว่า ‘ไซมอน คุณไม่ได้ทำงานให้บริษัทนั้นอีกแล้ว ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เก็บกระเป๋าเอกสาร แล้วกลับบ้านเถอะ”
ปฏิกิริยาของไซมอนไม่ใช่เรื่องแปลกลัง ประหลาด คำที่ว่า “ใจสลาย” หรือ “อกหัก” มักถูกหยิบยกขึ้นมาอธิบายถึงความรู้สึกเมื่อถูกออกจากงาน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทั้งชายและหญิงที่ผ่านประสบการณ์นี้บอกว่าพวกเขารู้สึกโกรธหรือเครียด ต่างบอกว่ามีอาการนอนไม่หลับและฟูมฟาย รู้สึกหมดหวัง บางครั้งอับอายและกลัวว่าจะไม่ได้กลับไปทำงานอีก อาจสูญเสียบ้านหรือไม่สามารส่งลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
ทว่า ไซมอนไม่ได้เพิ่งตกงาน เขาถูกปลดออกจากงานตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบที่แล้วเมื่อปี 2535 วันนี้ เขาอายุ 58 ปี มีอาชีพอิสระ เป็นโคซและผู้ฝึกสอนระดับบริหาร เขาไม่เพียงรักเพียงรักในสิ่งที่ทำ แต่ยังมีรายได้มากกว่าที่เคยคาดคิด เมื่อ 16 ปีก่อน ไซมอนไม่มีวันนึกฝันว่าจะทำงานของตัวเอง การถูกปลดจากงานอาจสร้างบาดแผลในใจ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นตัวกระตุ้นให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
อย่าประมาทแรงกดดันทางเศรษฐกิจ หมายความว่าพวกเราล้วนเผชิญความเสี่ยงที่จะตกงานได้ทั้งนั้น “ตอนนี้ จำนวนผู้มาติดต่อศูนย์ช่วยเหลือผู้ตกงานสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา” เจเน็ต เดวีส์ ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการเว็บไซต์เครือข่ายชีวิตใหม่ และเป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ การสร้างชีวิตใหม่หลังถูกปลดจากงานเผย “คำแนะนำของฉันคือ ผู้คนทุกวันนี้ต้องเริ่มจัดการกับชีวิตการงานของตนเองเสมือนหนึ่งว่าสักวันอาจต้องตกงานและหันไปทำอย่างอื่นแทน เป็นการเรียนรู้ที่จะนำตัวเองกลับมาใช้ใหม่”
น่าดีใจที่ปัจจุบันทัศนคติเกี่ยวกับการถูกปลดออกจากงานเปลี่ยนไปแล้ว “ที่แน่ๆ คือ ไม่มีความรู้สึกเป็นมลทินติดมาด้วยเหมือนเมื่อช่วง 20 ปีก่อน” เจมส์ อันเดอร์เฮย์ผู้อำนวยการด้านพาณิชย์จากบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลชิวเมนโตในออกซฟอร์ดกล่าว “เพราะผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับการเปลี่ยนย้ายงาน สมัยก่อนคนมักทำงานที่เดียวตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ เรามีแนวโน้มจะเปลี่ยนงานกันทุกสองถึงห้าปี นอกจากนี้เรายังฉลาดเฉลียว รู้จักเอาตัวรอด รวมทั้งพึ่งพาตนเองมากขึ้น” จริงๆแล้ว การถูกปลดออกจากงานช่วยให้คนพลิกชีวิตของตนเองขึ้นมาได้ นั่นคือโอกาส” อันเตอร์เฮย์กล่าว “ผมรู้จักผู้อำนวยการด้านการเงินซึ่งเกลียดงานที่ตัวเองทำอยู่อย่างมาก และใช้การถูกปลดออกจากงานเพื่อปรับเปลี่ยนเส้นทางอาชีพ นั่นเป็นเวลาที่คุณสามารถมองหาทิศทางใหม่ ทำตามความฝันที่ตั้งใจไว้ หรือความสนใจที่คุณพัฒนาขึ้นมา” ดูโรบิน โจนส์เป็นตัวอย่าง หลายปีก่อน
สินเชื่อส่วนบุคคล รายได้รวม 12,000 บาทต่อเดือนก็ยื่นสมัครได้ อาชีพอิสระกู้ได้ สนใจสมัครคลิกที่นี่
ช๊อปกับ Lazada ส่งฟรีทั่วไทย ลดสูงสุด 80% ช๊อปครบ 2,000 บาท ลุ้นรับรางวัลใหญ่กว่า 2 ล้านบาท คลิกรับส่วนลดที่นี่
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
ตกงาน หากาคุณรู้สึกว่าใกล้ชะตาขาดในงานปัจจุบัน อย่ากลัวที่จะเสนอทางเลือกอื่น เช่น ลดเงินเดือนตัวเอง ลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือน ย้ายตำแหน่งงาน หรือฉันจะทำงานเป็นที่ปรึกษาได้ไหม
แกรี เบอร์นิสัน จาก คอร์ส/เฟอร์รี่ อินเตอร์เนชันเนล
ถ้าคุณเอาชนะความกลัวในการบอกผู้คนว่าคุณกำลังตกงาน คุณจะประสบความสำเร็จในการหางานใหม่ได้มากกว่า
– จอห์น ชาเลนเจอร์ จาก เกรย์ & คริสต์มาส –
หางานชั่วคราวทำ อาจนำไปสู่โอกาสได้งานเต็มเวลา
– ไมเคิล เวิร์ตทิงตัน, Resumedoctor.com
งานอาสาสมัครช่วยให้เรากำหนดเวลาในการทำงานได้และช่วยให้คุณไม่ต้องอยู่คนเดียว นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้สร้างเครือข่ายต่างๆ ได้มากขึ้น แต่ไม่ควรใช้แทนการหางาน
พอล แมตทิวส์ จากไฮร์ แอสไปเรชันส์
หลังผู้ให้บริการจัดเลี้ยงวัย 46 ถูกปลดออกจากงานในบริษัทก่อสร้างใหญ่แห่งหนึ่ง เธอส่งจดหมายขอบคุณอดีตเจ้านาย “ฉันขอบคุณเขา” เธอกล่าว “แรงผลัดดันของการถูกปลดออกจากงานทำให้ฉันเริ่มธุรกิจจัดเลี้ยงของตัวเอง ไม่ใช่เพราะอยากเป็นเจ้าของธุรกิจฉันลองไปทำงานตำแหน่งอื่นๆ แต่ไม่รู้สึกกระตือรือร้นอยากทำ สามีจึงเสนอให้เริ่มธุรกิจของตัวเอง ฉันใช้บ้านเป็นที่ทำงานโดยโทรศัพท์หาลูกค้าทั้งที่ไม่รู้จักมาก่อน กระทั้งได้รับงานจัดเลี้ยงรายแรกให้แก่สมาคมสุนัขนำทางสำหรับคนตาบอด”
สิบเจ็ดปีต่อมา ธุรกิจชาลสทันเฮาส์ของโจนส์มีมูลค่าราว 80 ล้านปอนด์ ในปี 2549 เธอได้รับเลือกเป็นสตรีดีเด่นด้านธุรกิจของธนาคารเครดิตสวิสและชนะรางวับผู้ให้บริการจัดเลี้ยงอาหารแห่งปี
แล้วอะไรเล่าคือความลับสู่การสร้างความสำเร็จของชีวิตหลังต้องก้าวถอยหลังเนื่องจากถูกปลดออกจากงาน “การรู้ทักษะของตัวเองคือก้าวแรก” จิล ตีน ที่ปรึกษาด้านอาชีพ กล่าว “ไม่ว่าคุณจะอยากหางานใหม่ให้เร็วแค่ไหน หรือใช้การถูกออกจากงานเป็นโอกาสเพื่อทำส่ิงที่แตกต่าง คุณอาจคิดว่าตัวเองเป็นนักสื่อสารที่ดี หรือมีทักษะด้านไอทียอดเยี่ยม แต่คุรต้องสามารถอธิบายให้เจ้านายในอนาคตเข้าใจได้ว่าทักษะเหล่านั้นจริงๆแล้วมีความหมายอย่างไร
เธอเชื่อว่าการสร้างเครือข่ายมีความสำคัญ “อย่าเสียอารมณ์กับคำพูดหรือภาพที่จืดชืดของงานเลี้ยงบริษัทซึ่งไม่มีใครสนใจในตัวคุณ ให้คิดเสมือนว่านี่เป็นกระบวนการวิจัยตัวคุณ ให้คิดเสมือนว่านี่เป็นกระบวนการวิจัยที่คุรกำลังแยกแยะบุคคลประเภทต่างๆ ที่พบตั้งแต่ครอบครัว เพื่อน ไปถึงคนเผ้าาประตูโรงเรียนและอดีตเพื่อนร่วมงาน แต่ละคนอาจให้อะไรคุณได้บ้าง”
วิธีการนี้ใช้ได้ผลกับเทรซี โบลส์ แม่ลูกสามวัย 46 จากเคนต์ เธอยังไม่เคยได้งานเป็นชิ้นเป็นอันตั้งแต่ถูกปลดออกจากงานเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้น เธอมีรายได้ปีละ 50,000 ปอนด์จากบริษัทสกอตติช วิโดวส์ แต่ตอนนี้เธอมีรายได้มากกว่าเดิมขณะชั่วโมงการทำงานน้อยลง
“ช่วงรองาน ฉันพบคนที่เคยรู้จักที่สถานออกกำลัง เขาบอกฉันเกี่ยวกับงานให้คำปรึกษาเรื่องสินเชื่อบ้าน” เธอบอกว่า “ฉันตัดสินใจลองดูและเริ่มเข้าฝึกอบรม ขณะเดียวกันสกอตติส วิโดวส์เสนองานให้ฉันเป็นลูกจ้างแบบไม่ประจำ ฉันไปพบที่ปรึกษาที่แฟร์เพลซซึ่งเป็นบริษัทจัดการด้านงานในกลุ่งลอนดอนเพื่อขอคำแนะนำ วันรุ่งขึ้น เธอโทรศัพท์มาหาฉันและเสนองานให้เป็นพนักงานของบรษัท ฉันตอบรับทันที”
“ดังนั้น ตอนนี้ ฉันทำงานที่แฟร์เพลซสองวันต่อสัปดาหื และใช้อีกสามวันที่เหลือ สำหรับธุรกิจสินเชื่อบ้าน”
แหล่งที่มา รีดเดอรืส ไดเจสท์